ตามค่าเริ่มต้น เซลล์ที่จัดรูปแบบเป็นตัวเลขจะแสดงตำแหน่งทศนิยมมากเท่าที่คุณป้อนลงไป คุณสามารถเปลี่ยนการตั้งค่านี้เพื่อให้เซลล์ที่จัดรูปแบบเป็นตัวเลขแสดงด้วยตำแหน่งทศนิยมเท่ากันได้

การเปลี่ยนแปลงที่ทำกับการตั้งค่าทศนิยมจะปรับใช้กับทั้งตัวเลขและเปอร์เซ็นต์ ตัวอย่างเช่น หากคุณเปลี่ยนเซลล์ที่มีตัวเลขไปเป็นเปอร์เซ็นต์ จำนวนตำแหน่งทศนิยมที่แสดงจะไม่เปลี่ยน

1. เลือกเซลล์หรือช่วงของเซลล์

2. ในบานหน้าต่างเซลล์ของตัวตรวจสอบรูปแบบ ให้เลือก ตัวเลือกหนึ่งจากเมนูป๊อปอัพรูปแบบข้อมูล

   • ตัวเลข: แสดงการจัดรูปแบบตัวเลขแบบมาตรฐาน

   • เศษส่วน: แสดงจำนวนด้วยตัวเศษและตัวส่วน เลือกตัวเลือกจากเมนูป๊อปอัพความแม่นยำ เพื่อระบุจำนวนหน่วยสูงสุดที่คุณต้องการให้แสดง หรือเพื่อปัดเศษไปเป็นจำนวนครึ่ง หนึ่งในสี่ และอื่น ๆ ที่ใกล้เคียงที่สุด

   • เชิงวิทยาศาสตร์: แสดงตัวเลขด้วยสัญลักษณ์ทางวิทยาศาสตร์ ในช่องทศนิยม ให้ป้อนจำนวนของตำแหน่งทศนิยมที่คุณต้องการให้แสดงหรือเลือก อัตโนมัติ เพื่อแสดงเท่าตำแหน่งทศนิยมที่คุณป้อน

3. คุณสามารถปรับการจัดรูปแบบตัวเลขได้ด้วยวิธีการต่อไปนี้:

   • ตั้งค่าจำนวนของตำแหน่งทศนิยม: ในช่องทศนิยม ให้ป้อนจำนวนของตำแหน่งทศนิยมที่คุณต้องการให้แสดง Numbers จะปัดเศษเป็นค่าที่แสดง แทนการตัดปลายค่าที่แสดง ตัวอย่างเช่น หากค่าของคุณคือ “5.75” และคุณตั้งค่าจำนวนของตำแหน่งทศนิยมไปที่ศูนย์ Numbers จะแสดงเป็น “6”

   • แสดงตำแหน่งทศนิยมเท่ากับที่คุณป้อนในแต่ละเซลล์: ลบจำนวนในช่องทศนิยมหรือคลิกลูกศรลง ทศนิยม จนกว่าคุณจะถึงการตั้งค่าอัตโนมัติ

   • ระบุวิธีที่ค่าลบจะปรากฏ: เลือกตัวเลือกจากเมนูป๊อปอัพทางด้านขวาของช่อง ทศนิยม

   • แสดงตัวคั่นหลักพัน: เลือกกล่องกาเครื่องหมายตัวคั่นหลักพัน

ตามค่าเริ่มต้น เซลล์ที่จัดรูปแบบเป็นสกุลเงินจะแสดงตำแหน่งทศนิยมสองตำแหน่ง คุณสามารถเปลี่ยนการตั้งค่านี้เพื่อให้เซลล์แสดงตำแหน่งทศนิยมเท่ากับที่คุณป้อนลงในเซลล์เหล่านั้น หรือเพื่อให้เซลล์ทั้งหมดแสดงจำนวนของตำแหน่งทศนิยมเท่ากันได้

1. เลือกเซลล์หรือช่วงของเซลล์

2. ในบานหน้าต่างเซลล์ของตัวตรวจสอบรูปแบบ ให้เลือก สกุลเงิน จากเมนูป๊อปอัพรูปแบบข้อมูล

3. ปฏิบัติตามวิธีใด ๆ ต่อไปนี้:

   • ตั้งค่าจำนวนของตำแหน่งทศนิยม: ในช่องทศนิยม ให้ป้อนจำนวนของตำแหน่งทศนิยมที่คุณต้องการให้แสดง Numbers จะปัดเศษเป็นค่าที่แสดง แทนการตัดปลายค่าที่แสดง ตัวอย่างเช่น หากค่าของคุณคือ “5.75” และคุณตั้งค่าจำนวนของตำแหน่งทศนิยมไปที่ศูนย์ Numbers จะแสดงเป็น “6”

   • แสดงตำแหน่งทศนิยมเท่ากับที่คุณป้อนในแต่ละเซลล์: ลบจำนวนในช่องทศนิยมหรือคลิกลูกศรลง ทศนิยม จนกว่าคุณจะถึงการตั้งค่าอัตโนมัติ

   • ระบุวิธีที่ค่าลบจะปรากฏ: เลือกตัวเลือกจากเมนูป๊อปอัพทางด้านขวาของช่อง ทศนิยม

   • แสดงตัวคั่นหลักพัน: เลือกกล่องกาเครื่องหมายตัวคั่นหลักพัน

   • ใช้จำนวนลบลักษณะการบัญชี: เลือกกล่องกาเครื่องหมายลักษณะการบัญชีเพื่อแสดงค่าที่เป็นลบภายในวงเล็บ

4. เลือกสัญลักษณ์ค่าเงิน เช่น ดอลลาร์สหรัฐ ($) จากเมนูป๊อปอัพค่าเงิน

ตามค่าเริ่มต้น เซลล์ที่จัดรูปแบบเป็นเปอร์เซ็นต์จะแสดงตำแหน่งทศนิยมมากเท่าที่คุณป้อนลงไป คุณสามารถเปลี่ยนการตั้งค่านี้เพื่อให้เซลล์ทั้งหมดแสดงจำนวนของตำแหน่งทศนิยมเท่ากันได้

เปลี่ยนการตั้งค่าทศนิยมที่ปรับใช้กับทั้งเปอร์เซ็นต์และตัวเลขภายในช่วงของเซลล์ที่เลือกไว้ ตัวอย่างเช่น หากคุณเปลี่ยนรูปแบบของเซลล์จากเปอร์เซ็นต์ไปเป็นทศนิยม จำนวนของตำแหน่งทศนิยมที่แสดงจะไม่เปลี่ยน

1. เลือกเซลล์หรือช่วงของเซลล์

2. ในบานหน้าต่างเซลล์ของตัวตรวจสอบรูปแบบ ให้เลือก เปอร์เซ็นต์ จากเมนูป๊อปอัพรูปแบบข้อมูล

3. ปฏิบัติตามวิธีใด ๆ ต่อไปนี้:

   • ตั้งค่าจำนวนของตำแหน่งทศนิยม: ในช่องทศนิยม ให้ป้อนจำนวนของตำแหน่งทศนิยมที่คุณต้องการให้แสดง Numbers จะปัดเศษเป็นค่าที่แสดง แทนการตัดปลายค่าที่แสดง ตัวอย่างเช่น หากค่าของคุณคือ “5.75” และคุณตั้งค่าจำนวนของตำแหน่งทศนิยมไปที่ศูนย์ Numbers จะแสดงเป็น “6”

   • แสดงตำแหน่งทศนิยมเท่ากับที่คุณป้อนในแต่ละเซลล์: ลบจำนวนในช่องทศนิยมหรือคลิกลูกศรลง ทศนิยม จนกว่าคุณจะถึงการตั้งค่าอัตโนมัติ

   • ระบุวิธีที่ค่าลบจะปรากฏ: เลือกตัวเลือกจากเมนูป๊อปอัพทางด้านขวาของช่อง ทศนิยม

   • แสดงตัวคั่นหลักพัน: เลือกกล่องกาเครื่องหมายตัวคั่นหลักพัน

หากคุณจัดรูปแบบเซลล์ที่มีค่าอยู่แล้ว ค่านั้นจะถูกอนุมานเป็นทศนิยม และจะแปลงเป็นเปอร์เซ็นต์ ตัวอย่างเช่น 3 จะกลายเป็น 300%

หากใช้ค่าเปอร์เซ็นต์ในสูตร เวอร์ชั่นของจำนวนทศนิยมจะถูกใช้ ตัวอย่างเช่น ค่าที่แสดงเป็น 3% จะถูกใช้เป็น 0.03 ในสูตร

1. เลือกเซลล์หรือช่วงของเซลล์

2. ในบานหน้าต่างเซลล์ของตัวตรวจสอบรูปแบบ ให้เลือก “วันที่และเวลา” จากเมนูป๊อปอัพรูปแบบข้อมูล

3. เลือกรูปแบบจากเมนูป๊อปอัพวันที่

   หากคุณเลือก ไม่มี จะไม่มีการแสดงวันที่ในเซลล์ แม้ว่าจะป้อนวันที่และใช้ในการคำนวณวันที่และเวลาแล้ว

4. เลือกรูปแบบจากเมนูป๊อปอัพเวลา

   หากคุณเลือก ไม่มี จะไม่มีการแสดงเวลาในเซลล์ แม้ว่าจะป้อนเวลาและใช้ในการคำนวณวันที่และเวลาแล้ว

หากคุณไม่ป้อนทั้งวันที่และเวลา Numbers จะเพิ่มค่าเริ่มต้นให้คุณ ตัวอย่างเช่น หากคุณป้อน “1:15 PM” Numbers จะเพิ่มวันที่ของวันนี้ตามค่าเริ่มต้น

มุมมองเซลล์อัจฉริยะที่ด้านล่างสุดของหน้าต่างจะแสดงให้คุณเห็นค่าจริงของทั้งวันที่และเวลาสำหรับเซลล์ที่เลือก แม้ว่าคุณจะเลือกให้แสดงเพียงค่าเดียวในตาราง

ตามค่าเริ่มต้น เซลล์ที่มีข้อมูลระยะเวลาจะถูกจัดรูปแบบโดยอัตโนมัติเพื่อแสดงเป็นทุก ๆ หน่วยเวลาที่คุณได้ป้อนลงไป คุณสามารถเปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้ เพื่อให้เซลล์ที่เป็นระยะเวลานั้นแสดงเฉพาะหน่วยเวลาที่แน่นอน (ตัวอย่างเช่น เป็นชั่วโมงเท่านั้น ไม่เป็นนาที วินาที หรือมิลลิวินาที) แม้ว่าจะมีการป้อนค่าระยะเวลาที่แม่นยำกว่าลงในเซลล์ ค่าที่แม่นยำกว่าจะยังคงใช้ในสูตรที่ทำการคำนวณโดยยึดตามหน่วยของเวลาเป็นหลักก็ตาม

1. เลือก เซลล์หรือช่วงของเซลล์

2. ในบานหน้าต่างเซลล์ของตัวตรวจสอบรูปแบบ ให้เลือก ระยะเวลา จากเมนูป๊อปอัพรูปแบบข้อมูล

3. ปฏิบัติตามวิธีใดวิธีหนึ่งต่อไปนี้:

   • แสดงหรือซ่อนป้ายหน่วยเวลา: คลิก หน่วยอัตโนมัติ จากนั้นเลือกตัวเลือกจากเมนูป๊อปอัพลักษณะ:

     • 0: ซ่อนป้ายหน่วยเวลาทั้งหมด

     • 0w: แสดงป้ายหน่วยเวลาเป็นแบบย่อ ตัวอย่างเช่น “m” สำหรับนาที

     • 0 สัปดาห์: แสดงป้ายหน่วยเวลาเป็นแบบเต็มคำ

   • ทำให้เซลล์ระยะเวลาทั้งหมดแสดงหน่วยชนิดเดียวกัน: คลิก หน่วยแบบกำหนดเอง จากนั้นคลิกที่หน่วยทางด้านขวาสุดหรือซ้ายสุดของตัวเลือกช่วงระยะเวลาเพื่อล้อมรอบขอบเขตของระยะเวลาที่คุณต้องการใช้ จากสัปดาห์ (Wk) ถึงมิลลิวินาที (Ms)

หากคุณเปลี่ยนรูปแบบระยะเวลาหลังจากคุณป้อนข้อมูลลงไปในเซลล์แล้ว ข้อมูลจะปรับโดยอัตโนมัติให้เป็นรูปแบบระยะเวลาใหม่ที่คุณตั้งค่า

ตามค่าเริ่มต้น ตัวเลขจะจัดรูปแบบเซลล์ตารางโดยอัตโนมัติ

หากคุณเปลี่ยนรูปแบบข้อมูลสำหรับเซลล์ คุณสามารถเปลี่ยนกลับไปที่รูปแบบแบบอัตโนมัติได้ตลอดเวลา

• เลือกเซลล์หรือช่วงของเซลล์ในบานหน้าต่างเซลล์ของตัวตรวจสอบรูปแบบ เลือก อัตโนมัติ จากเมนูป๊อปอัพรูปแบบข้อมูล